คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 122/2545
ภาษี
เงินได้
กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลที่ได้จากการประกอบกิจการสถานศึกษาและที่ได้จากการประกอบกิจการ
สถานฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้างและรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือฝึก
อบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538
กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลที่ได้จากการประกอบกิจการสถานศึกษา
และที่ได้จากการประกอบกิจการสถานฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้างของ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
หรือของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
และให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละ 50
ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้น
ส่วนนิติบุคคลนั้นเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรม
วิชาชีพที่ทางราชการจัดตั้งขึ้น
หรือสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม
หรือบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งเป็นสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพ
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด โดยการให้บริการการศึกษา
หรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษาหรือฝึกอบรมในประเทศไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพ
ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น
เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
ทั้งนี้ ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้าง
หุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 288) พ.ศ. 2538
กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละ 50
ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างของบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
โดยหลักสูตรที่ใช้ฝึกอบรมลูกจ้างต้องเป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือ
แรงงานของลูกจ้างและได้รับการรับรองจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมและ
ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างแต่ละคนต้องเป็นไปตามอัตราที่ได้รับอนุมัติ
จากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ทั้งนี้ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 60) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับ
เงินได้ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างของบริษัทหรือ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2539 นั้น
เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบและแนะนำบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือ
สถานฝึกอบรมวิชาชีพ
หรือได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลนั้น กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กรณี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมเพื่อ
พัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
หรือของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกันตามหลักเกณฑ์ดังต่อ
ไปนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับ
(1)
กำไรสุทธิที่ได้จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียน
เอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดม
ศึกษาเอกชน แต่ไม่รวมถึงรายได้จากการขายของ
การรับจ้างทำของหรือการให้บริการอื่นใดที่ได้รับจากผู้ซึ่งมิใช่นักเรียน
หรือนักศึกษาของโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนดังกล่าว
ทั้งนี้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
จะต้องมิได้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วย
โรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดม
ศึกษาเอกชน
(2)
กำไรสุทธิที่ได้จากกิจการสถานฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้างของ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
หรือของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
ทั้งนี้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
จะต้องมิได้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการสถานฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน
ข้อ 2 กรณี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
เพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
ถือเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวมีสิทธินำไปถือเป็นรายจ่ายในการ
คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี
(13) แห่งประมวลรัษฎากร
(1)
ค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของตนไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษา
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของทางราชการ ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ
(2)
ค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของตนไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษา
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของเอกชน ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ
(3) ค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างของตน
(In-house Training)
โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นดำเนินการฝึกอบรมเอง
หรือว่าจ้างให้สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของทางราชการ
หรือสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของเอกชนดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้าง
ของตน
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
ส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของ
ทางราชการ หรือสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพของเอกชน
จะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้น
ส่วนนิติบุคคลนั้นหลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
ต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายค่าใช้จ่ายตาม (1) ถึง (3) ไปจริง
เช่น คำสั่งของนายจ้างให้ส่งลูกจ้างไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม
คำสั่งของนายจ้างให้จัดการฝึกอบรม
และใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพ
ข้อ 3 กรณี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมเพื่อพัฒนา
คุณภาพ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับ
เงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนร้อยละ 50
ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ตามมาตรา 5
แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538
(1)
ค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของตนไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษา
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่ทางราชการจัดตั้งขึ้น
ซึ่งต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทหรือห้าง
หุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นหลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว
(2)
ค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของตนไปเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาตาม
กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม
หรือบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ซึ่งต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทหรือห้าง
หุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นหลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว
สถานศึกษาตามวรรคหนึ่ง
ต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการศึกษาในระดับที่
ต่ำกว่าอุดมศึกษา
หรือต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยสำหรับ
การศึกษาในระดับอุดมศึกษา
หรือต้องจัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการสำหรับ
โรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
หรือต้องจัดการฝึกอบรมเป็นการทั่วไป (Public Training)
ตามหลักสูตรที่สถานศึกษานั้น ๆ ได้จัดขึ้น
สถานฝึกอบรมวิชาชีพตามวรรคหนึ่ง
ต้องจัดการฝึกอบรมเป็นการทั่วไป (Public Training)
เพื่อให้บริการฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาชีพใด
ข้อ 4 ค่าใช้จ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายให้แก่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพตามข้อ 2 ประกอบด้วย
(1) ค่าใช้จ่ายการศึกษาที่เป็นค่าเล่าเรียน ค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุง
(2) ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมที่เป็นค่าธรรมเนียมเข้าอบรม หรือค่าลงทะเบียน
ค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึง
ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง
เพื่อเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายในการดูงานในประเทศหรือต่าง
ประเทศตามที่กำหนดในหลักสูตร (ถ้ามี)
ที่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพได้เรียกเก็บจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลด้วย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
ต้องมีใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่ออกให้แก่บริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่าย
การฝึกอบรม
เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง
จ่ายค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมให้แก่สถานศึกษาตามกฎหมาย
ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม
หรือบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับค่าใช้
จ่ายตาม (1) และ (2) ตามแบบที่แนบท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้าง
หุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
ข้อ 5 กรณี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้แก่
ลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้าง
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนร้อยละ 50
ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ตามมาตรา 3
แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 288) พ.ศ. 2538
(1)
หลักสูตรที่ใช้ฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
ต้องเป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้างและได้รับการ
รับรองจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างแต่ละคนนั้นต้องเป็นไปตามอัตราที่ได้รับ
อนุมัติจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
(2) ลูกจ้างที่เข้ารับการฝึกอบรมต้องเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นไม่น้อยกว่า 6 เดือน
(3)
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานลูกจ้าง
ของตนต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างที่เข้ารับการฝึกอบรมนั้นกลับเข้าทำ
งานให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นหลังจากการฝึกอบรมเสร็จสิ้น
(4) วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่จะใช้ในการฝึกอบรมตามหลักสูตรตาม (1)
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องกำหนดลักษณะ ขนาด
และคุณสมบัติของวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อมิให้ปะปนกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ใน
การประกอบกิจการตามปกติของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
ข้อ 6 กรณี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรม
ลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง
ตามข้อ 2 ถึงข้อ 5
ไม่ถือเป็นประโยชน์อย่างอื่นที่ลูกจ้างแต่ละคนได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็น
เงินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร
ลูกจ้างแต่ละคนจึงไม่ต้องนำค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมในส่วนของตน
ไปรวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด
Link Reference : http://www.rd.go.th/publish/13501.0.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น